
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปเที่ยว แนวโน้มการเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ง้อทัวร์มีมากขึ้น บทความนี้เขียนเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังไปเที่ยวญี่ปุ่น ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง สกุลเงินที่ใช้ ภาษา ระบบไฟฟ้า ภูมิอากาศ มารยาทคนญี่ปุ่น และข้อมูลที่ควรรู้
VISA – Passsport

- ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ.2556 คนไทยสามารถเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้ VISA และสามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้สูงสุด 15 วัน ถ้าหากต้องการอยู่นานกว่านั้นต้องทำ VISA
- การนับวันที่อยู่ในญี่ปุ่นจะไม่นับวันแรกที่ไปถึง เช่น ถึงญี่ปุ่นวันที่ 1 และ บินออกจากญี่ปุ่นวันที่ 10 นับเป็น 10 วันที่อยู่ในญี่ปุ่น
- ในการเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องใช้ หนังสือเดินทาง (Passport) และหนังสือเดินทางจะเป็นต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน หากมีอายุน้อยกว่านั้นทางสายการบินอาจปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง
- โดยปกติแล้วญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไทยเดินทางเข้าง่าย ตม. ญี่ปุ่นสุภาพ ไม่ค่อยจะถามอะไรมาก แต่เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้พกแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรม เงินสด-บัตรเครดิตที่เพียงพอกับจำนวนวันที่ไปเที่ยว เผื่อเจ้าหน้าที่ ตม. ญี่ปุ่นขอเรียกดู
สกุลเงิน

ประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน (JPY : Japanese yen) มีอักษรย่อว่า 円 หรือ ¥ มีหน่วยย่อยของเยน คือ เซน เงิน 1 เยน มีค่า 100 เซน อัตราแลกเปลี่ยนของเงินเยน : บาท มีค่าเท่ากับ 1 เยน : 0.30 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 18/10/15)
- ธนบัตรที่ใช้งานมีดังนี้ : ¥1000, ¥2000, ¥5000, ¥10,000
- เหรียญที่ใช้งานมีดังนี้ : ¥1, ¥5, ¥10, ¥50, ¥100, ¥500
ไฟฟ้า

ประเทศญี่ปุ่นใช้ระบบไฟฟ้า 100VAC / 50-60 Hz ต่างจากประเทศไทยที่ใช้ไฟ 220VAC / 50 Hz แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนมาก รองรับไฟได้ย่านกว้างอยู่แล้ว เช่น 100 – 240 VAC ตัวอย่างอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถใช้กับไฟฟ้าญี่ปุ่นได้เลย เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ iphone, Samsung และยี่ห้ออื่นๆ, ที่ชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูป
รูปลั๊กไฟญี่ปุ่นเป็นแบบขาแบน 2 ขา ไม่มีขากราวด์ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ขายในไทยบางอย่างก็เสียบได้เลย ไม่ต้องแปลง แต่บางอย่างก็ต้องใช้ Adaptor แปลง ทางที่ดีควรหาซื้อ Adaptor จากไทยไปใช้จะดีกว่า เพราะหาซื้อยากที่ญี่ปุ่น ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถขอยืมกับทางโรงแรมได้
ห้องน้ำ

ห้องน้ำในโรงแรมและสถานที่ต่างๆ เป็นห้องน้ำอัตโนมัติ มีปุ่มกดทำความสะอาด ต่างจากบ้านเราที่เป็นฝักบัวชำระ ปุ่มของชักโครกส่วนมากจะอยู่ข้างๆ ฝารองนั่ง ที่ปุ่มจะมีสัญลักษณ์บอกว่าทำหน้าที่อะไร ถึงแม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกแต่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก
น้ำดื่ม

ประเทศญี่ปุ่นสามารถดื่มน้ำจากก๊อกได้ แต่ไม่ควรเปิดผ่านก๊อกน้ำร้อน เพราะเป็นก๊อกที่ผ่านหม้อต้ม อาจมีตะกรันได้ ส่วนน้ำดื่มขวด ขนาด 500 – 600 ml สามารถหาซื้อได้ง่ายตามตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญ หรือ 7-eleven ราคาประมาณ 100 – 130 เยน และน้ำดื่มขวดใหญ่ ขนาด 1 – 2 ลิตร ก็ขายในราคาใกล้เคียงกับขวดเล็ก วิธีที่จะประหยัดค่าน้ำดื่มได้ก็คือซื้อขวดใหญ่ แล้วแบ่งใส่ขวดเล็กขนาดพกพา
ฤดูกาล

มี 4 ฤดู ได้แก่
- ฤดูใบไม้ผลิ : ปลายเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นช่วงไฮซีซั่นของญี่ปุ่น เนื่องจากอากาศไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป และเป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน
- ฤดูร้อน : ปลายเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ช่วงนี้มีงานเทศกาลที่สำคัญหลายงาน
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงไฮซีซั่นของญี่ปุ่น อากาศดี ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม แดง แล้วร่วงในที่สุด
- ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – มีนาคม อากาศหนาวจัดและมีหิมะบางพื้นที่เช่นภูมิภาคฮอกไกโด เจแปนแอลป์ ฯลฯ อากาศหนาวจะไล่จากภูมิภาคด้านบนสู่ด้านล่าง
แผ่นดินไหว
ประเทศญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ควรเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ ด้วยการไม่วางสิ่งของขวางประตู มีสติ ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ
ยารักษาโรค
ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยารักษาโรคไปให้พอดี นอกจากนี้ยังควรพกยาสามัญประจำบ้านติดตัวไว้ด้วย เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาอมแก้เจ็บคอ ยาคล้ายกล้ามเนื้อสำหรับผู้ที่เดินเยอะ อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบยาที่นำติดตัวไปอยู่ในรายการยา 11 ชนิดที่ทางการญี่ปุ่นสั่งห้ามนำเข้าประเทศ
รายการยา 11 ชนิดที่ทางการญี่ปุ่นสั่งห้ามนำเข้าประเทศ*
- TYLENOL COLD
- NYQUIL
- NYQUIL LIQUICAPS
- ACTIFED
- SUDAFED
- ADVIL COLD & SINUS
- DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
- DRISTAN SINUS
- DRIXORAL SINUS
- VICKS INHALER
- LOMOTIL
*อ้างอิงรายชื่อยาจากเว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำนครซีแอทเทิล
เวลา
ประเทศญี่ปุ่นใช้ Time zone GMT +9 เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ในช่วงหน้าหนาว เดือนพฤศจิกายน – มกราคม พระอาทิตย์ตกดินเร็ว ประมาณ 16.30 น.
ภาษา
คนญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก คนหนุ่มสาว วัยทำงานส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ และ ตามสถานที่ท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี การไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นส่วนมากยินดีที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ถึงแม้จะพูดกันคนละภาษา
Internet – wifi
สามารถใช้ฟรี wifi ได้ตามสนามบิน สถานีรถไฟสถานีใหญ่ เช่นสถานีโตเกียว สถานีอุเอะโนะ และในห้าง ร้านค้า ก็มีฟรี wifi ให้ใช้หลายแห่ง แต่ถ้าต้องการใช้ Internet ตลอดการเดินทาง สามารถซื้อ Internet Sim หรือ เช่า Pocket wifi เอาก็ได้ โดยจะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
1. Internet Sim เจ้าที่นิยมสุดจะเป็น B-mobile มีให้เลือกแบบ 1GB Prepaid และ 14 days Prepaid ราคา 3,980 เยน ถ้ารับซิมที่สนามบินบวกเพิ่ม 210 เยน ซิมเจ้านี้รองรับ smart phone ได้หลายรุ่น เพื่อความชัวร์ลองตรวจสอบรุ่นก่อนสั่งซื้อ www.bmobile.ne.jp/english
หรืออีกทางเลือกหนึ่ง ซื้อซิม AIS SIM2Fly (ซื้อในไทย) เป็นซิมโรมมิ่ง ใช้อินเตอร์เนต 3G ได้ 8 วัน ราคา 399 บาท
2. Pocket wifi เป็นกล่องกระจายสัญญาณ wifi ขนาดพอๆ กับฝ่ามือ หรือเล็กกว่า สามารถปล่อยใช้งานได้สูงสุด 10 เครื่อง เหมาะสำหรับการเดินทางหลายคน แชร์กันใช้งาน ค่าเช่าใช้งานประมาณวันละ 150-270 บาท ปัจจุบันมีผู้ให้บริการรับและคืนเครื่องในไทยแล้ว
การเดินทางในประเทศ
ประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ มีเพียงบางโซนเท่านั้นที่ต้องใช้รถบัสคู่กับรถไฟ เช่นเมืองเกียวโต โดยรวมแล้วเป็นประเทศที่เดินทางได้สะดวกมาก ไปเที่ยวเองได้ง่าย แต่เสียอย่างเดียวค่าเดินทางค่อนข้างแพง
วิธีที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้คือการวางแผนก่อนการเดินทาง และเลือกใช้พาส (Pass) ให้เหมาะสมกับการเดินทาง เช่น One day pass หรือ Zone pass ในภูมิภาคต่างๆ
มารยาทคนญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีระเบียบวินัยสูง มีมารยาท การไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ควรที่รู้มารยาท วัณนธรรมเบื้องต้น และทำตัวให้กลมกลืน
- การขึ้นบันไดเลื่อน คนโตเกียวจะยืนชิดซ้าย ให้ด้านขวาเป็นที่เดินสำหรับคนรีบ ส่วนโอซาก้าจะสลับกับโตเกียว อย่างไรก็ตามเริ่มมีการรณรงค์การขึ้นบันไดเลื่อน ไม่จำเป็นต้องชิดด้านใดด้านหนึ่ง ในระหว่างที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยืนแบบไหน ก็ทำตามเค้าจะดีที่สุด
- การทิ้งขยะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หาถังขยะยากมาก บางถังก็รับแต่ขวดน้ำ กระดาษ เราควรทิ้งขยะให้ตรงกับประเภท หรือเก็บขยะนั้นกลับมาทิ้งยังที่พัก
- การให้ทิป ประเทศญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิป จึงไม่ควรให้ทิป แค่ขอบคุณก็พอแล้ว
- การขึ้นรถไฟ ควรปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ และไม่พูดคุยเสียงดัง คนญี่ปุ่นจะไม่นิยมลุกให้เด็ก หรือ ผู้สูงอายุนั่ง คนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังให้ช่วยเหลือตัวเอง
- การทานอาหารบนรถไฟ บนรถไฟ Shinkansen สามารถทานอาหารได้ เช่น ข้าวกล่องเบนโตะ และควรเป็นอาหารที่ไม่มีกลิ่นรบกวนคนอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น